กรรชัย ตอบแล้ว ทำไม ‘โหนกระแส’ ยังไม่จัดเต็มคดี Forex-3D

กรรชัย ตอบแล้ว ทำไม ‘โหนกระแส’ ยังไม่จัดเต็มคดี Forex-3D

หนุ่ม กรรชัย ขอแจงปม โหนกระแส ยังไม่ยอมโหคดี Forex-3D ทั้งที่ดาราช่องเดียวกับพิธีกรมือทองเอี่ยวเพียบ เพจอื่นขุดแฉจนยับ ทำเอาพิธีกรชื่อดัง “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ประกาศข่าวและผู้ดำเนินรายการโหนกระแส ต้องออกมาชี้แจงหลังสังคมเกิดคำถามหนัก ปม Forex-3D คดีแชร์ลูโซ่ฉาวลากยาว ล่าสุดเพจดังขุดยับพบมีดาราช่องน้อยสีเข้าไปเอี่ยวเพียบ

โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ Drama-addict 

ได้ออกมาเฉลยข้อสงสัยดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย โดยเป็นการฝากข้อความโดยตรงที่เพจจ่าพิชิตอ้างว่ารับข้อมูลตรงมาจากปาก “กรรชัย” ด้วยตัวเองว่าทำไม รายการโหนกระแส ยังไม่ไปโหนคดีแชร์ลูกโซ่บรรลือเมืองนี้เสียที

“เฮียหนุ่มฝากมาถึงเพจ รวบรวมผู้โดนโกง จาก Forex 3d ประเด็นที่อยากให้เฮียพาผู้เสียหายกับฝั่งที่ถูกกล่าวหาเป็นแม่ทีมแชร์ลูกโซ่มาออกรายการ เฮียแกว่างี้

1. ติดต่อฝั่งผู้ถูกกล่าวหาละ ไม่มีใครมาเลย เอาจริงๆ อันนี้เข้าใจได้ เพราะ ไอ้พวก forex 3d นี่แม่งฉลาดเป็นกรด ไม่งั้นมันจะหลอกได้ขนาดนี้เรอะ ใครมันจะเอาคอมาขึ้นลานประหารกลางรายการวะ ถถถถถ

2. ฝั่งผู้เสียหายก็ไม่มีใครมาเหมือนกัน พอไม่มีใครมา เฮียแกก็ไม่รู้ทำไง ถถถถถถ ถ้าอยากให้จัดรายการประเด็น forex 3d เชิญผู้เสียหายที่อยากออกรายการโหนกระแสแสดงตัวเลยจ้า”

เกิดเหตุ กราดยิงวิทยาลัยการทัพบก บริเวณถนนเทอดดำริห์ กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เสียชีวิต 1 ศพ ล่าสุดตำรวจยังจับกุมปืนไม่ได้ เกิดเหตุ กราดยิงกรมยุทธศึกษาทหารบก ภายใน วิทยาลัยการทัพบก ถนนเทอดดำริห์ กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเวลาประมาณ 9.00 น. เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เสียชีวิต 1 ศพ ทั้งนี้ตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่แน่ชัด มีรายงานว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าจับกุมคนร้ายได้ ทราบชื่อว่าคือ จ่ายงยุทธ พร้อมประกาศจะยิงให้ครบ 10 คน

หากมีความคืบหน้าเหตุ กราดยิงวิทยาลัยการทัพบก ทางสำนักข่าว TheThaiger จะรายงานให้ทราบต่อไป

กรมราชทัณฑ์ แจงกรณี เรียกนักโทษกลับเข้าคุก แม้ปล่อยตัวมาแล้ว 7 เดือน

กรมราชทัณฑ์ ออกโรงชี้แจงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณี เรียกนักโทษกลับเข้าคุก เพื่อรับโทษอีก 7 เดือน แม้ปล่อยตัวมาแล้ว 7 เดือน ชี้นักโทษไม่ได้การเลื่อนชั้น กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงจากกรณีที่เรียกตัวอดีตผู้ต้องหากลับเข้าคุกและรับโทษที่เหลืออีก 7 เดือน แม้ว่าจะได้รับปล่อยตัวมาแล้ว 7 เดือนก็ตาม หรือตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตามที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

ทางกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า กระบวนการเลื่อนชั้น เริ่มต้นตั้งแต่เรือนจำฯ จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดประจำเรือนจำ และเรือนจำส่งเอกสารรายงานการเลื่อนชั้นมายังกรมราชทัณฑ์ จากนั้นกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาการอนุมัติตามกำหนดเวลา

แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพะเยา เคยพิจารณาว่าอนุมัติการเลื่อนชั้นได้ จึงได้คิดคำนวณโทษตามหลักการเลื่อนชั้นเป็นชั้นเยี่ยม จึงเป็นเกณฑ์การพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนดโทษที่เหลืออีก 7 เดือน หลังจากที่มีการพิจารณาปล่อยตัวไปแล้ว กระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งผลการพิจารณาไม่อนุมัติการเลื่อนชั้นของกลุ่มนักโทษดังกล่าวตามหลักการ และกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งผลไม่อนุมัติเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดของเรือนจำจังหวัดพะเยา ส่งผลให้การพิจารณาการเลื่อนชั้นของนายธีรพิพัฒน์ ที่ผ่านมาไม่ได้รับการเลื่อนชั้น ทำให้ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออยู่ต่อไป

ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดพะเยา จึงได้แจ้งนายธีรพิพัฒน์ ถึงผลการไม่อนุมัติการเลื่อนชั้น และให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทางเรือนจำฯ จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ นายธีรพิพัฒน์ กลับมารับโทษที่เหลือต่อไป โดยศาลมีรายงานกระบวนการพิจารณาตามคดีหมายเลขดำที่ อ 651/2560 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 405/2560 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 วรรคท้าย ให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่จำนวน 7 เดือน 29 วัน อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร

กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนี้เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย โดยมิได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกรณีดังกล่าวมีนักโทษเด็ดขาดขอพิจารณาการเลื่อนชั้น จำนวน 71,754 ราย โดยใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จึงไม่อนุมัติให้เลื่อนชั้น ทำให้เรือนจำจังหวัดพะเยาและเรือนจำอื่นๆ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การขออนุมัติ ก็มิได้รับการอนุมัติด้วยเช่นกัน

สำหรับในส่วนของเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 241 ราย มีผู้ต้องขังเพียง 2 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัว ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อและ 1 ใน 2 ราย ได้กลับเข้ามารับโทษจำคุกต่อแล้ว สำหรับนายธีรพิพัฒน์ ปฏิเสธการกลับเข้ามาคุมขังภายในเรือนจำ จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป